บุรีรัมย์วันเดียวเที่ยวยันเย็น
ไปเที่ยวบุรีรัมย์ ไปไม่ยากอย่างที่คิด แค่เช็คตั๋วไป-กลับ เช็คราคาและจองจากแอพ traveloka แอพเดียวจบ บุรีรัมย์เดินทางไปทางเครื่องบินสะดวกมากทำให้ทริปเที่ยวเดี๋ยวเดียวกลับของเราเป็นไปด้วยความสนุก อิ่มท้องและอิ่มใจ วันเดียว เที่ยวบุรีรัมย์ไปไหนได้บ้าง คำถามนี้มีถามอากู๋มาบ่อยๆ อยากรู้วันเดย์ทริปในบุรีรัมย์ไปไหนได้ตามมาเลย
เช้าวันอาทิตย์ 6.00 น. ไฟลท์เช้าตรู่ ออกเดินทางกับสายการบินยอดฮิตแอร์เอเชีย ที่มีไป-กลับ 4 เที่ยวบินต่อวันต่อวัน ผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งเพราะเป็นจังหวัดที่เศรษฐกิจโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการทุ่มเทของอดีตนักการเมืองชื่อดังของคุณเนวิน ชิดชอบ สร้างความเจริญอย่างน่าทึ่งให้กับบุรีรัมย์
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เราก็เดินทางมาถึงสนามบินบุรีรัมย์ เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา ถึงสนามบินจะดูเล็ก แต่เมืองนี้ไม่เล็กนะขอบอก
จากสนามบินบุรีรัมย์เดินทางเข้าเมือง เราใช้บริการเช่ารถท้องถิ่น ราคา 900 บาทต่อวัน ซึ่งการเที่ยวด้วยวิธีนี้ดีต่อใจ เพราะสามารถวางแผนการเที่ยวเองได้ ไม่เสียเวลา สะดวกกว่าการใช้บริการรถโดยสารท้องถิ่น ในสนามบินก็มีบูธของบริษัทรถเช่าบริการ ราคาเช่าก็ไม่ทิ้งกัน เพียงแต่ต้องใช้บัตรเครดิตรูดมัดจำ แต่รถเช่าท้องถิ่นต้องมัดจำด้วยเงินสด 3000 บาท เที่ยวเสร็จคืนรถ ก็คืนเงิน จบกัน
ระยะทางจากสนามบินเข้าตัวเมืองประมาณเกือบสามสิบกิโลเมตร เรามุ่งหน้าหาอาหารเช้ากินก่อนเลย เช้านี้เราตั้งใจไปกินปาท่องโก๋ กาแฟ ไข่ลวกกันที่ร้าน กาแฟชุมพล เปิดตีสี่ ถึง แปดโมงเช้า เห็นรีวิวกันหนักมาก ว่าปาท่องโก๋ตอนเช้าต้องร้านนี้ ไปถึงร้านเวลาแปดโมงเช้าพอดี จอดรถเปิดประตูรถลงมา ก็ได้ยินเสียงเพลงชาติไทยดังมาจากฝั่งด้านตรงข้ามหน้าร้าน ซึ่งเป็นสถานีรถไฟบุรีรัมย์นั่นเอง หลังยืนตรงเคารพธงชาติ ก็เดินเข้าร้านสั่งปาท่องโก๋ กาแฟ ไข่ลวก มานั่งทานกัน ประมาณสิบนาที เจ้าของร้านเอาป้ายมาวางหน้าร้าน “ปาท่องโก๋หมดแล้วจ้า”
ตามคำเล่าลือเลยว่าที่นี่ปาท่องโก๋อร่อย และหมดประมาณแปดโมงเช้า เกือบพลาดไปละพวกเรา มาถึงเหลือปาท่องโก๋แถวสุดท้ายพอดิบพอดี
วิถีวัยรุ่นที่นี่ ตื่นเช้า หัวฟูมานั่งกินปาท่องโก๋กะกาแฟ ดีอ่ะ วัยรุ่นกรุงเทพน่าจะยังกลับไม่ถึงบ้าน
กินอาหารเช้าอิ่มท้องแล้ว ไปเที่ยวจุดแรกเลย อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จุดท่องเที่ยวไฮไลท์ของจังหวัดบุรีรัมย์ ระยะทางจากตัวเมืองไปถึงปราสาทหินพนมรุ้งประมาณ 70 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าไปอำเภอประโคนชัย ออกจากตัวเมืองผ่านสนามไอโมบาย(มองสนามด้วยความทึ่ง อลังการงานสร้างมาก) เดี๋ยวขากลับเราจะแวะมาเยี่ยมอีกที
ด้วยระยะทางไม่ไกลมาก และถนนลาดยางตลอดจนถึงปราสาทเขาพนมรุ้ง เรามาถึงปราสาทประมาณสิบโมง ร้านค้าขายของที่ระลึกบางร้านยังไม่เปิด นักท่องเที่ยวยังไม่มาก อากาศไม่ร้อน ทำให้การเดินเที่ยวไม่เหนื่อย แค่หอบเล็กน้อย
ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นปราสาทหินขอมของไทยที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ปราสาทที่เป็นภาพพื้นหลังตราสัญลักษณ์ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือทีมปราสาทสายฟ้าอันโด่งดัง สำหรับคนชอบถ่ายรูปน่าจะชอบที่นี่เพราะถ่ายรูปตรงไหนก็สวยทุกมุม วันที่ไปเที่ยวที่นี่พอดีอากาศขมุกขมัว แดดไม่จัดแต่นางแบบเราก็สวยทุกรูป
ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่ได้คืนมาจากต่างประเทศ ให้ระลึกถึงการทำงานอย่างหนักของ
ท่านฑูตวีระชัย พลาศรัย ที่เพิ่งจากไป
เสียดายที่ครั้งนี้เดินทางไปถึงก่อนวันที่จังหวัดจัดงานใหญ่ ชมปรากฏการณ์อาทิตย์แรกแห่งอรุณรุ่ง แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านประตูทั้ง 15 ช่อง ในช่วงระหว่างวันที่ 3 -7 เมษายนนี้ ซึ่งจังหวัดคงจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้งานสงกรานต์ที่จะจัดที่สนามไอโมบายด้วยเหมือนกัน
จากอุทยานปราสาทเขาพนมรุ้ง ย้อนกลับลงมาแวะที่ปราสาทเมืองต่ำ ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร เก็บรูปปราสาทเมืองต่ำที่สวยงามไม่แพ้กัน ราคาตั๋วเข้าชมทั้งปราสาทเขาพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำราคาคนไทยแค่ 30 บาท ต่างชาติ 100 บาท ไม่รู้ว่าคนขายตั๋วแยกได้ยังไงว่าคนประเทศเพื่อนบ้านเช่นกัมพูชา หรือลาวมาเที่ยวจะเก็บเงินค่าตั๋วเท่าไหร่ เพราะเราต่างกันแค่ภาษาเท่านั้นเอง หน้าตาเราเหมือนกันแทบแยกไม่ออก ส่วนฝรั่งผมแดงก็โดนไปเต็มๆ
จากปราสาทเมืองต่ำ ได้เวลาทานอาหารกลางวัน มุ่งหน้าเข้าเมืองไปจกข้าวเหนียว ส้มตำไก่ย่าง แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง กันที่ร้านสีดาไก่ย่าง บอกเลยแซบมาก แต่ไม่มีรูป จกกินกันอย่างเดียวเลย ท้องอิ่ม หากาแฟเติมพลัง จากนั้นต่อสถานที่ท่องเที่ยวแห่งที่สาม วนอุทยานเขากระโดง
วัดใจกันตรงนี้ว่าไหวหรือไม่ไหว กับบันได 297 ขั้น โดยไม่มียาดมและน้ำระหว่างทาง
เดินขึ้นมาถึงด้านบนด้วยอาการหอบ เฮือกๆ หันไปเห็นลานจอดรถ น้ำตาแทบเล็ดไม่เห็นมีใครบอกว่าเอารถขับขึ้นมาได้ด้วย😖
เดินลงบันได 297 ขั้นกลับไปเอารถวนเข้าไปดูปากปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้ว ซึ่งอยู่ด้านหลังของเขากระโดง มีสะพานแขวนสำหรับมองลงมายังปล่องภูเขาไฟ
จากเขากระโดงมองลงมาจะเห็นสนามไอโมบายอยู่ไม่ไกล เราไปกันต่อแห่งที่สี่เลย ศูนย์รวมกีฬาทีอลังการงานสร้าง ในชีวิตต้องมาเยือนซักครั้งถิ่นเซาะกราว
สนามแข่งรถบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต
สนามฟุตบอลปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
แค่สองสนามนี้ ก็กดเครื่องคิดเลขไม่เป็นเลยว่าทุนสร้างจะมหาศาลขนาดไหน
ก่อนเดินทางออกจากสนามไอโมบาย อย่าลืมแวะหาซื้อเสื้อติดไม้ติดมือเป็นของที่ระลึก
(ดูแต่เสื้อผู้ชาย)
ห้าโมงเย็นละ ก่อนกลับสนามบิน ต้องหาของกินรองท้องก่อน
ขับรถมุ่งหน้าไปหาของอร่อยๆกินแถวหน้าสถานีรถไฟ ใกล้กับวงเวียนหอนาฬิกา แอบแวะเข้าไปดูชานชาลาสถานีซะหน่อย รถไฟเพิ่งเข้าเทียบชานชาลา และกำลังจะมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ เป็นขบวนหวานเย็นเข้าใจว่าน่าจะถึงกรุงเทพเช้าแน่
บรรยากาศหน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ชุมทางลูกชิ้นยืนกินที่กำลังโด่งดังในโลกโซเชียล
ของมันต้องมา ก็เลยต้องแวะมาชิมตามกระแสหน่อย แต่ละร้านมีคนยืนกินเต็มหน้าร้าน บางร้านได้ถ้วยรางวัลชนะเลิศลูกชิ้นอร่อยด้วย ราคายืนกินไม้ละ 3 บาท 7ไม้ 20บาท หยิบแล้วเก็บไม้ไว้คิดค่าเสียหาย
เย็นย่ำ ถึงเวลากลับบ้าน ด้วยสายการบินนกแอร์ เครื่องใบพัด ระหว่างบินเครื่องตกหลุมอากาศพากันใจหายแว๊ป แต่ก็ถึงบ้านด้วยความปลอดภัย สุขสันต์วันหยุด ทริปแน่นๆ กินแน่นๆ
Post a Comment